![](https://nike--nfljerseys.com/wp-content/uploads/2023/03/image-81.png)
ผ่านมาแล้วกว่า 35 ปีนับตั้งแต่ BACK TO THE FUTURE ซีรี่ส์ภาพยนตร์สุดล้ำของ โรเบิร์ต เซเม็กคิส เข้าฉายครั้งแรกในปี 1985 อย่างไรก็ตามกาลเวลากว่า 3 ทศวรรษกลับไม่ได้ทำให้มนต์ขลังของมันเสื่อมลงไปเลย ตรงกันข้าม BACK TO THE FUTURE ยังคงเป็นซีรี่ส์ภาพยนตร์ที่มีกลุ่มแฟนบอยเหนียวแน่น ถึงขั้นที่ว่ามีการจัดงานเฉลิมฉลองจนกลายเป็นเทศกาลประจำปีไปแล้ว
นอกจากเนื้อเรื่องในจอจะสนุกตื่นเต้นเร้าใจแล้ว อิทธิพลของ Back to the Future ยังส่งผ่านทะลุหน้าจอออกมาสู่โลกแห่งความจริงในรูปแบบสินค้าด้วย หนึ่งในนั้นคือรองเท้า Nike MAG ที่เราหยิบยกมากล่าวถึงในครั้งนี้
ติดตามเรื่องราวของรองเท้าในจินตนาการที่กลายเป็นความจริง และที่สำคัญยังกลายเป็น “ของมันต้องมี” ของบรรดานักสะสม ถึงแม้ราคาของมันจะแพงระยับได้ที่ Main Stand
ภาพยนตร์ทำนายโลกอนาคต
Back to the Future คือ ซีรี่ส์ภาพยนตร์ไตรภาค จากห้วงจินตนาการอันลึกล้ำของ โรเบิร์ต เซเม็กคิส และ บ็อบ เกล (Bob Gale) ผู้เขียนบทร่วม โดยเข้าฉายในช่วงปี 1985-1990 ที่กวาดเงินรวมกันได้สูงถึง 970 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากทุนสร้างรวมเพียง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ยังไม่นับรวมการขายของเล่นและลิขสิทธิ์สินค้าต่าง ๆ ที่ตามมาหลังจากนั้น เรียกได้ว่าเป็นซีรี่ส์ภาพยนตร์ที่สร้างความมั่งคั่งให้กับทีมผู้สร้างกันอย่างถ้วนหน้า
ทั้ง ๆ ที่ในตอนแรก โรเบิร์ต ตั้งใจจะสร้างมันออกมาแค่ภาคเดียว ส่วนตอนจบในภาคแรกที่เหมือนจะจบแบบค้างคานั้น ก็เป็นแค่มุกที่ตัวเขาใส่ไปหยอกล้อกับผู้ชมเท่านั้น ไม่ได้มีการวางแผนในการสร้างภาคต่อแต่อย่างใด เหตุผลสั้น ๆ เพียงอย่างเดียวที่ทำให้ Back to the Future กลายเป็นภาพยนตร์ไตรภาคก็คือ
![](https://nike--nfljerseys.com/wp-content/uploads/2023/03/image-82.png)
นอกจากเนื้อเรื่องที่สนุกเร้าใจ การแสดงที่พริ้วไหวไปกับเรื่องราวของ ไมเคิล เจ ฟ็อกซ์ (Michael J. Fox) ในบทบาท มาร์ตี้ แมคฟลาย รวมถึงตัวละครอื่น ๆ แล้ว ยังมีอีก 2 ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Back to the Future ขึ้นแท่นกลายเป็นภาพยนตร์ระดับตำนาน
หนึ่ง … นี่คือภาพยนตร์ที่เหมือนเป็นขุมทรัพย์แห่งวัฒนธรรมป๊อป (Pop Culture) ก็ว่าได้ ก่อนที่โลกจะรู้จัก Ready Player One ผลงานของ สตีเว่น สปีลเบิร์ก … ซีรี่ส์ภาพยนตร์ชุดนี้นี่แหละคือบรรพบุรุษที่กรุยทางมาก่อน เรียกได้ว่าแทบทุกฉาก ทุกซีน มีอีสเตอร์เอก (Easter Egg – จุดเชื่อมโยงถึงเรื่องต่าง ๆ มีที่มาจากไข่วันอีสเตอร์ ที่จะถูกซ่อนให้คนไปหาเอง) ซ่อนอยู่ คอยเป็นเครื่องบริหารสายตาให้เหล่าผู้ชมได้คอยสังเกต
ปัจจัยประการที่สองคือ “การทำนายอนาคต” เนื่องจากนี่คือภาพยนตร์ที่ว่าด้วยย้อนเวลากลับไปในอดีต แต่ในบางครั้งก็มีการเดินทางข้ามเวลาสู่อนาคตด้วยเช่นกัน ดังนั้นเราจึงได้เห็นวิสัยทัศน์ของ โรเบิร์ต ว่าเขามองโลกในอนาคตไว้เป็นอย่างไร หน้าตาแบบไหน … ซึ่งก็มีจำนวนไม่น้อยที่เขาคาดการณ์ได้ถูกต้องเสียด้วย ราวกับได้เดินทางข้ามเวลามาดูด้วยตาตัวเองจริง ๆ
ไม่ว่าจะเป็นบทบาทของโดรนที่สามารถถ่ายภาพ รวมถึงจูงสุนัขได้ในฉากงาน Expo Internet LA 2015, การจ่ายเงินที่สามารถทำผ่านโทรศัพท์มือถือได้ ทั้ง ๆ ที่ในยุค 80s ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายอย่าว่าแต่จ่ายเงินเลย แค่พกพาใส่กระเป๋ากางเกงยังแทบเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ, แว่นตาอัจฉริยะที่สามารถฉายวิดิโอให้ดูเมื่อสวมใส่ได้ ที่ดูจะคล้ายคลึงกับ Google Glass ในปัจจุบันเสียเหลือเกิน
เหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีคำทำนายของ โรเบิร์ต อีกมากมายที่เขาสร้างสรรค์ลงไปในเรื่องราว แต่หนึ่งสิ่งที่เราจะไม่พูดถึงไม่ได้เลยในบทความนี้ คือรองเท้า Nike MAG ที่ปรากฏออกมาใน Back to the Future II ภาพยนตร์ลำดับที่ 2 ของซีรี่ส์
![](https://nike--nfljerseys.com/wp-content/uploads/2023/03/image-83.png)
ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนที่ โรเบิร์ต กับ บ็อบ เขียนบทฉากนี้ขึ้นมา เขามีจินตนาการแบบไหน หรือใช้เหตุผลอะไรมารองรับสนับสนุน … แต่ที่แน่ ๆ นี่เป็นอีกครั้งที่การทำนายอนาคตของพวกเขาแม่นราวกับจับวาง
จากรองเท้าในจอสู่โลกความจริง
ถึงแม้ว่าทุกคนจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าการผูกเชือกได้เองของรองเท้า Nike MAG ในภาพยนตร์เรื่อง Back to the Future II จะเป็นการใช้เทคนิคถ่ายทำเนรมิตรให้มันเกิดขึ้น แต่การที่มันเปรียบเสมือนมรดกตกทอดมาจากซีรี่ส์ภาพยนตร์ระดับตำนาน เมื่อมีการนำออกมาประมูลมูลค่าของมันก็ยังคงสูงอยู่ดี
![](https://nike--nfljerseys.com/wp-content/uploads/2023/03/image-84.png)
นอกจากรองเท้าที่ผลิตขึ้นมาเพื่อใช้ถ่ายทำแล้ว ในปี 2011 ทาง Nike ก็ได้มีการผลิตรองเท้ารุ่น MAG นี้ออกมาวางจำหน่ายให้ผู้คนทั่วไปได้จับจองเป็นเจ้าของกันจริง ๆ โดยผลิตออกมาในจำนวนจำกัดเพียง 1,500 คู่ พร้อมกับแปะราคาป้ายไว้สูงถึงคู่ละ 3,800 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 110,000 บาท
ถึงราคาของมันจะสูงลิบขนาดนี้ แต่ใครที่จับจองเป็นเจ้าของได้ทันต้องบอกว่าคุ้มเกินคุ้ม เพราะเมื่อเทียบกับราคาปัจจุบันในตลาดรีเซลต้องบอกว่าดูถูกไปเลย เพราะถ้าคุณอยากจับจองเป็นเจ้าของในตอนนี้อาจต้องควักกระเป๋าถึง 350,000 บาท หรือ 3 เท่าของราคาป้ายเลยทีเดียว